วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคการเลือกช่างภาพงานแต่งงาน

เทคนิคการเลือกช่างภาพงานแต่งงาน

เทคนิคการเลือกช่างภาพงานแต่งงาน ง่ายๆเลยครับ เลือกที่ชอบ เลือกแนวที่ใช่ ฮาฮา ก่อนอื่นต้องดูผลงานของเขาก่อนครับว่าเป็นอย่างที่เราอยากได้รึป่าว หรือว่ามีแนวที่เราอยากได้ ก็ลองโทรไปสอบถามว่าเค้าทำได้รึปล่าว แต่ส่วนใหญ่ก็คงตอบว่าทำได้แหละครับ ^_^ ดูว่าผลงานของเค้ามีเยอะหรือปล่าว รูปสวยตรงตามที่ใจต้องการหรือไม่เพราะ มันเป็นการบันทึกความทรงจำของเราเลยทีเดียว การตัดสินใจเลือกจึงต้องพิถีพิถันกันหน่อย

นอกจากเลือกในแบบที่ชอบแล้วยังต้องดูเรื่องราคาด้วยว่าอยู่ในงบที่เราพอรับไหวรึป่าว อย่าเลือกที่มันเกินกำลังเราเกินไปทั้งนี้ราคาก็ไม่ต่างกันมากมายเท่าไหร่ ดูคุณภาพผลงานว่าเหมาะสมกับราคาที่เค้าเรียกรึปล่าว ราคาที่แพง ก็เนื่องมาจากคุณภาพของงาน และ อุปกรณ์ที่ช่างภาพแต่ละคน เลือกใช้ อุปกรณ์ในการถ่ายภาพที่แพงก็ทำให้คุณภาพงานที่ออกมาดีกว่า และ โอกาสที่จะได้ภาพเยอะกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นอุปกรณ์ในการถ่ายภาพบันทกภาพในสมัยนี้ก็แพงอยู่พอสมควร ที่จริงมันก็แพงมานานละครับ ^_^

เรามาดูในเรื่องของการทำสัญญา และ เงื่อนไขต่างๆในการทำงาน ต้องตกลงกันให้ดีๆว่าเราจะได้รับอะไรบ้างจากการว่าจ้างช่างภาพ
  • ทำภาพให้เท่าไหร่
  • ตกแต่งภาพให้หรือไม่
  • มีการบันทึกใส่แผ่นดีวีดี
  • ล้างอัดรูปให้ขนาดเท่าไหร่ จำนวนกี่รูป
  • ส่งให้หลังจากเสร็จงานประมาณกี่วัน
  • ส่งให้ทางไหน
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ความพึงพอใจและการตกลงกันก่อนทั้งนี้ทั้งนั้นควรมีสัญญาหรือการตกลง กันก่อนทางช่างภาพอาจจะมีการมัดจำล่วงหน้าก่อน โดยส่วนมากแล้ว สุดท้ายนี้ก็ขอให้ได้ช่างภาพที่ถูกใจ และหวังว่าจะใช้บริการทีมงานผมนะครับ ^_^

การถ่ายภาพวันพิธีแต่งงาน

การถ่ายภาพวันพิธีแต่งงาน

เอาเทคนิคการถ่ายภาพมาฝากกันอีกแล้ว การถ่ายภาพ วันพิธีแต่งงาน เป็นบทความจาก http://women.kapook.com/view8713.html อ่านแล้วได้ความรู้และเทคนิคเพิ่มขึ้นตัดทอนมาบางส่วนนะครับอยากอ่านเต็มๆตามไปอ่านกันได้นะครับ

เรื่อง : จิรชนม์ ฉ่ำแสง / ภาพ : พิษณุ พวงแก้ว

การถ่ายภาพวันพิธีแต่งงานหรือวันจริง เมื่อก่อนมักใช้ช่างภาพเพียงคนเดียวในการถ่ายตลอดวัน ภาพส่วนใหญ่ก็จึงมีแต่เฉพาะภาพบ่าว-สาวในขณะทำพิธีต่างๆ เป็นหลัก ในช่วงเย็นก็จะมีเพียงภาพหน้าซุ้ม ภาพถ่ายกับแขกตามโต๊ะจีน และภาพพิธีการบนเวทีเท่านั้น ทว่าในปัจจุบันนิยมใช้หรือควรแนะนำให้ลูกค้าจ้างช่างภาพมากกว่า 1 คนขึ้นไป แล้วแต่ขนาดของงาน เพื่อความสมบูรณ์และหลากหลายของภาพในวันนั้น

โดยช่างภาพที่เพิ่มขึ้นมา จะมีหน้าที่เก็บภาพรวมในแง่มุมอื่นๆ อาทิเช่น เก็บภาพแคนดิดของคู่บ่าว-สาว รวมไปถึงญาติผู้ใหญ่และแขกหรือคนอื่นๆ เก็บภาพอาคารสถานที่หรือห้องจัดเลี้ยง เก็บบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงขณะที่บ่าว-สาวยืนถ่ายภาพอยู่หน้าซุ้ม เก็บภาพอาหาร-เครื่องดื่ม หรือพร็อบอื่นๆ เช่นดอกไม้ เค้กน้ำแข็งสลัก ฯลฯ ที่ถูกจัดตกแต่งไว้ภายในงาน รวมไปถึงการถ่ายภาพเบื้องหลัง ขณะที่บ่าว-สาวแต่งหน้าทำผม



ในส่วนของช่างภาพ การทำงานร่วมกันสองคนนอกจากจะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้กล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่แตกต่างได้มากขึ้น จากการที่มีคนหนึ่งเก็บภาพในแบบมาตรฐานเป็นหลัก จึงทำให้อีกคนสามารถใช้ลูกเล่นและความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายภาพได้เต็มที่ อาทิเช่นการใช้เลนส์มุมกว้างมากๆ กระทั่งเลนส์ฟิชอายเพื่อมุมมองที่ดูหวือหวาแปลกตา การถ่ายภาพแบบไหวๆ ให้ดูมีมูฟเมนต์ การถ่ายภาพจากมุมไกลๆ หรือมุมสูง (หากสถานที่เอื้ออำนวย) อย่างนี้เป็นต้น

จริงๆ แล้วในงานนี้ช่างภาพทั้งสองส่วนต่างมีความสำคัญพอๆ กัน แต่เพื่อความไม่สับสนและเข้าใจง่ายจึงขอเรียกช่างภาพที่ถ่ายในมุมมาตรฐานและช่างภาพประจำหน้าซุ้มว่าช่างภาพหลัก ส่วนคนที่เก็บบรรยากาศโดยรวมเรียกว่าช่างภาพรอง

หน้าที่ของช่างภาพหลัก ก็คือการเก็บงานตามพิธีการที่สำคัญ เน้นความคมชัด ใช้แสงใสๆ เคลียร์ๆ จัดองค์ประกอบภาพแบบดูง่ายเข้าใจง่ายผู้ใหญ่ชอบเป็นหลัก ช่างภาพหลักจึงมักจะต้องทำงานใกล้ชิดกับทุกฝ่ายค่อนข้างมาก จึงควรเป็นคนที่มีวาทศิลป์ดี ช่างจำนรรจา พูดจาหวานหู และมีจิตวิทยาที่ดีเพื่อโน้มน้าวให้ผู้หลักผู้ใหญ่ขยับไปยืนในตำแหน่งที่ต้องการโดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับหรือทำตามตามคำสั่ง

โดยเฉพาะเวลาถ่ายภาพหมู่หลังการหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ หรือการถ่ายภาพหมู่หน้าซุ้ม ส่วนมากญาติผู้ใหญ่มักจะเกร็งๆ ทำหน้านิ่งๆ ช่างภาพหลักต้องใช้คำพูดที่สามารถสร้างรอยยิ้ม เรียกเสียงหัวเราะ และสร้างอารมณ์ร่วมในการถ่ายภาพให้สนุกสนานผ่อนคลาย ภาพจึงจะออกมาดี ไม่ใช่เพียงแค่นับหนึ่ง..สอง..สาม..แชะ เท่านั้น เรียกว่าต้องมีความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ในตัวค่อนข้างสูง

หน้าที่ของช่างภาพรอง ก็คือการเก็บรายละเอียดของส่วนอื่นๆ ภายในงานจึงต้องเป็นคนที่ถ่ายภาพได้หลากหลายแนว มีลูกเล่นทางการถ่ายภาพแพรวพราวขยันหามุมมองที่แปลกแตกต่าง เปรียบเสมือนตัวฟรีในเกมฟุตบอล ที่สามารถจะเดินไปอยู่ตรงไหนก็ได้ภายในบริเวณงาน มีอิสระในการทำงานค่อนข้างสูง แต่ก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากเป็นพิเศษ เพราะการเก็บรายละเอียดในส่วนนี้มักจะเป็นส่วนที่ทำให้ภาพรวมของงานดูแตกต่าง หากสังเกตให้ดี ภาพจากเว็บไซต์ต่างๆ มักจะนำภาพในส่วนนี้มากเป็นตัวชูโรง เป็นจุดขายเสมอ

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การทำงานเป็นทีม แบ่งแยกหน้าที่หรือลักษณะการถ่ายกันให้ชัดเจน เพื่อให้ได้ภาพที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน คนหนึ่งอาจถ่ายโดยใช้แฟลชเป็นหลัก ขณะที่อีกคนใช้แสงแอมเบียน (แสงจากแหล่งกำเนิดแสง จำพวกหลอดไฟประเภทต่างๆ ที่ถูกจัดไว้ภายในงาน) เป็นหลัก ขณะคู่บ่าว-สาวเดินขึ้นเวทีหรือขณะตัดเค้ก ต้องตกลงให้ดีว่าใครจะถ่ายมุมไหนอย่างไร ที่จะไม่เป็นการกั๊กมุมกันเอง ยิ่งงานไหนใช้ช่างภาพมากกว่าสองคนขึ้นไป โอกาสที่จะทำงานซ้ำซ้อนกันก็มีมากขึ้นถ้าหากไม่นัดแนะกันให้ดี

ในกรณีที่มีช่างภาพเกินสองคน ช่างภาพหลักยังคงมีเพียงคนเดียวและถ่ายแบบมาตรฐานตามปกติ ในส่วนของช่างภาพรอง อาจแบ่งไปเลยว่าใครจะใช้เลนส์ในช่วงไหน คนหนึ่งมุมกว้าง คนหนึ่งเทเลโฟโต้ หรืออาจจะแบ่งให้คนหนึ่งเน้นเก็บภาพบุคคล ส่วนอีกคนเก็บบรรยากาศและการตกแต่งสถานที่เป็นหลัก เพื่อให้ได้งานที่มีความหลากหลายสมกับที่ใช้ช่างภาพหลายคน

อุปกรณ์ที่จำเป็น

การถ่ายภาพในยุคดิจิตอล ที่มีกล้องดีๆ ใหม่ๆ แข่งขันกันออกมาจนเกือบจะเรียกได้ว่าซื้อปุ๊ปตกรุ่นปั๊ปนั้น แน่นอนว่ากล้องรุ่นใหม่กว่าย่อมมีระบบการทำงานรวมถึงให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่าเดิม แต่คำถามคือว่ามันจำเป็นแค่ไหน เพราะกล้องที่ว่าดีๆ นั้น ราคาค่างวดเหยียบแสนเข้าไปแล้ว หากไม่มีงานซุกจริงๆ กว่าจะใช้มันคุ้มราคาเผลอๆ ตกรุ่นไปแล้ว แถมราคายังตกฮวบฮาบให้เจ็บใจอีกต่างหาก ดังนั้นในส่วนของกล้องถ่ายภาพช่างภาพอาจไม่จำเป็นต้องอัพเดทเสมอไป สู้เอาเงินไปลงทุนกับเลนส์ดีๆ ช่องรับแสงกว้างๆ ดีกว่า

และหากจะว่ากันจริงๆ แล้ว เลนส์ที่ใช้อาจไม่จำเป็นต้องเป็นเลนส์เกรดโปรราคาแพงลิบลิ่วเสมอไป เพราะการใช้งานของลูกค้ากับภาพเกือบทั้งหมดคือการดูภาพผ่านคอมพิวเตอร์ หรืออัดภาพขนาด 4R เท่านั้น ยกเว้นเพียงภาพชุดพรีเวดดิ้งเท่านั้นที่จะถูกนำมาขยายใหญ่ ซึ่งก็มีจำนวนไปมากนัก และถ้าถ่ายภาพมาด้วยสภาพแสงดีๆ เลนส์ระดับกลางๆ ก็สามารถให้คุณภาพที่นำมาใช้งานได้อย่างไร้กังวล บวกกับการตกแต่งภาพผ่านซอฟท์แวร์อีกนิดหน่อย เชื่อเถอะว่าถ้าไม่ใช่พวกตาผีจมูกมด ไม่มีทางดูออกว่าเราถ่ายภาพด้วยเลนส์เกรดไหน



ยังมีอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่เทคโนโลยีดิจิตอลทำให้มันลดความสำคัญลงไปมาก นั่นก็คือแฟลช ด้วยการปรับค่าไวท์บาลานซ์เพื่อแก้สี และด้วยการตั้งค่า ISO ให้สูงมากๆ โดยยังรักษาคุณภาพของภาพไว้ได้ จึงทำให้ช่างภาพหลายต่อหลายคนโบกมือล่ำลาจากการใช้แฟลช หันมาใช้เลนส์ช่องรับแสงกว้างๆ ถ่ายด้วยแสงแอมเบียนของสถานที่บวกกับการใช้สปอตไลท์ตั้งตามจุด หรือมีคนถือไฟเดินตามแทน นัยว่ามันให้ภาพที่ดูสวยเนียนยิ่งกว่าการใช้แฟลชเสียอีก
ซึ่งในเรื่องนี้ตามความเห็นของผู้เขียน ไม่ขอชี้ชัดลงไปว่าอย่างไรดีกว่า เพราะมันมีข้อจำกัดของอุปกรณ์ที่ไม่เหมือนกัน

และความถนัดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน และจริงๆ แล้ว การใช้แสงแอมเบียนอาจไม่สามารถทดแทนการใช้แฟลชได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งภาพบางลักษณะจะเกิดขึ้นได้ก็จากการใช้แฟลชเท่านั้นอีกด้วย เช่นภาพที่มีมูฟเมนต์ในลักษณะกึ่งชัดกึ่งเบลอ แต่ช่างภาพบางคนอาจไม่ชอบถ่ายในลักษณะนี้ก็ไม่มีความจำเป็น หรืออาจไปทำด้วยซอฟท์แวร์ในภายหลังก็ได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างให้พร้อมและเพียงพอไม่ว่าจะเป็นกล้องสำรองหากเกิดกล้องมีปัญหา แบตเตอรี่, เมมโมรี่การ์ด, หลอดสำรองในกรณีที่ใช้ไฟแฟลชหรือสปอตไลท์ เป็นต้น

อุปกรณ์อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญคือ อุปกรณ์การสำรองข้อมูลต้นฉบับ อย่าได้ประมาทหรือมองข้ามไปนะครับ ในยุคไอทีเช่นนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งทางเลือกก็มีหลายทาง ไม่ว่าจะเป็น DVD, External HD, Notebook หรือ Storage Media ต่างๆ ช่างภาพหลายคนอาจจะบอกว่าสิ้นเปลือง แต่เชื่อเถอะครับว่าหากมันเกิดปัญหากับข้อมูลที่คุณมีเพียงชุดเดียวโดยไม่มีการสำรองไว้ละก็ ต่อให้ต้องซื้อ DVD แผ่นละพัน คุณก็ยังรู้สึกว่ามันถูกเลยครับ

อุปกรณ์ที่ดีนั้นจะช่วยให้การทำงานของช่างภาพเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น แต่มุมมองและวิธีการถ่ายภาพของช่างภาพเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า การใช้อุปกรณ์ระดับกลางๆ แต่สามารถรีดคุณภาพของมันออกมาได้เต็มที่ เชื่อได้ว่าภาพดีๆ ไม่หนีไปไหนแน่นอน

หวังว่าเพื่อนๆคงได้ความรู้จากบทความดีๆ ที่หามาให้อ่านกันนะครับ ไม่มากก็น้อย เทคนิคดีๆทั้งนั้นบางอย่างเราก็นึกไม่ถึง

ขอบคุณบทความจาก http://women.kapook.com/view8713.html

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคการถ่ายภาพแต่งงาน

เทคนิคการถ่ายภาพแต่งงาน

เทคนิคการถ่ายภาพแต่งงาน

1. ทำให้ภาพคมชัดที่ชุด ขาตั้งกล้องเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ สำหรับขาตั้งกล้องผมคงไม่ใช้ในงานพิธี ผมเห็นด้วยที่จะใช้เมื่อต้องการบันทึกภาพก่อนหรือภายหลังพิธีซึ่งมีแต่ตัวแบบกับกล้อง

2. เพิ่มค่า ISOเพื่อให้พอถือถ่ายได้ด้วยมือ ให้สูงเข้าไว้ตั้งแต่ 800 ขึ้นไป กล้อง DSLR พัฒนาเซนเซอร์เป็นชนิด CMOS ทำให้ลดน๊อยส์เกิดไปได้มาก แต่กล้องของผมยังเป็นเซนเซอร์ชนิด CCD แบบเก่าอยู่ ผมเปิดระบบ noise reduction ไว้ซึ่งช่วยได้มาก นอกจากนี้ผมหา plug-in มาใช้กับโปรแกรมแต่งรูปโฟโตชอปเพื่อลบน๊อยส์ออกจากภาพ เรียกว่า Noise Ninja นอกจากน๊อยส์จะหายไปแล้วยังทำให้ผิวของแบบเรียบเนียนขึ้นด้วย

3. เลือกเลนซ์ที่สว่างมี f-stop ตั้งแต่ 1.4, 2. 2.8, 3.5 ซึ่งมีรูรับแสงกว้าง ทำให้สามารถใช้ความไวชัตเตอร์ที่สูงขึ้นได้


4. ทำแสงแฟลชให้นุ่ม การยิงแฟลชโดยตรงเข้าไปหาแบบจะได้แสงที่แรงและภาพที่แข็ง เราสามารถเลือกหากล่องกระจายแสงมาสวมหน้าแฟลช ซึ่งภายในกล่องจะมีแผ่นสะท้อนแฟลชออกมาให้มาก ส่วนด้านหน้ากล่องเป็นวัสดุกระจายแสงแฟลชออกเพื่อให้แสงนุ่มนวลไม่กระด้าง กล่องดังกล่าวมีหลายยี่ห้อ มีตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงเกือบสองพันบาท รูปทรงที่คล้ายกับถ้วยมาม่าคัพเลยเรียกหากันว่าถ้วยมาม่าเป็นอันเข้าใจกันว่าหมายถึงอะไร
5. การใช้เทคนิคการยิงแฟลชขึ้นเพดาน เหมาะกับห้องที่ฝ้าเพดานไม่สูงนัก แสงแฟลชที่ยิงขึ้นไปกระทบ 45 องศากับเพดานจะสะท้อนกับลงมาที่ตัวแบบให้แสงที่นุ่มนวล บางทีอาจนำแผ่นนามบัตรสีขาวมาติดยื่นออกจากหัวแฟลช เมื่อยิงแฟลชให้ตั้งฉากกับเพดาน แสงแฟลชส่วนหนึ่งจะกระทบเพดานตกลงมา อีกส่วนหนึ่งจะสะท้อนแผ่นนามบัตรเข้าสู่ตัวแบบ ทั้งสองวิธีนี้ต้องอาศัยแฟลชที่มีกำลังสูงๆ ช่างภาพบางท่านอาจใช้วิธียิงแฟลชในมุมเงย 45 องศา ร่วมกับการสอดแผ่นนามบัตรเพื่อใช้ลบเงาในการถ่ายภาพกลางแจ้งทำให้ลดควมกระด้างของแสงเงาที่ตกลงบนใบหน้า เอาเข้าจริงผมไม่ได้ใช้เทคนิคนี้เพราะโบสถ์ผมเพดานสูงร่วมสิบกว่าเมตร ผมหันไปใช้แผ่นกระจายแสงแฟลชสำหรับใช้กับเลนซ์มุมกว้างและลดกำลังแฟลชลงเพื่อลบเงาแทนเวลาที่ผมใช้ออโตไวท์บาลานซ์
6. การตั้งค่ารูรับแสง เพื่อให้ภาพมีความชัดลึกสูงในเวลาถ่ายภาพหมู่ และเวลาถ่ายภาพบุคคลคู่บ่าวสาว ให้ใช้รูรับแสงตั้งแต่ f/8 ขึ้นไป ภาพหมู่ให้โฟกัสที่แถวหน้าเป็นหลัก สำหรับภาพคู่ให้โฟกัสที่ลูกตาเจ้าสาว

7. เจ้าสาวเป็นดาวของงาน ให้ตามเก็บภาพเจ้าสาวทุกอิริยาบถ การถ่ายภาพครึ่งตัว ต้องถ่ายให้เห็นข้อศอกถึงกึ่งกลางปลายแขน ภาพค่อนตัวต้องลงไปประมาณข้อเข่าให้ตัดที่ครึ่งแข้ง โดยจัดความสูงของกล้องอยู่ระดับอก และเลือกฉากหลังที่เรียบๆ

8. ลองถ่ายภาพคู่บ่าวสาวจากมุมต่างๆ เช่น ถ่ายจากบนระเบียงลงมา ถ่ายในมุมเงย การถ่ายภาพหมู่อาจให้หันไปในทางเดียวกันแทนการยืนแบบเรียงหน้ากระดาน


9. แสงธรรมชาติเป็นแสงสมบูรณ์แบบที่สุด ให้แบบหันข้างให้กับแสงโดยอยู่ห่างจากหน้าต่างประมาณ 1.5 เมตร จะได้แสงที่นุ่มนวลเหมาะกับการถ่ายภาพเจ้าสาว เจ้าสาวกับเจ้าบ่าว เจ้าสาวกับครอบครัว

10. ในการโพสต์ท่าถ่ายรูปคู่ของเจ้าสาวและเจ้าบ่าว เจ้าสาวกับพ่อหรือแม่ ให้ยืนจนตำแหน่งศีรษะชิดกันให้ได้มากที่สุด จะได้ภาพที่ดูใกล้ชิดสนิทสนมและดูไม่เกร็งจนเกินไป

11. ถ่ายภาพเก็บบรรยากาศต่างในงานเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น เช่น รองเท้า สร้อยคอ มงกุฏ แหวน สมุดลงนาม ช่อดอกไม้ที่ถือ รายละเอียดของชุดแต่งงาน เป็นต้น



นอกจากนี้ ควรไปถึงสถานที่ก่อนเวลาพิธีการเพื่อลองวัดแสง ลองปรับตั้งไวท์บาลานซ์ หามุมถ่ายภาพ รวมทั้งตกลงนัดแนะกับคู่บ่าวสาวถึงมุมและทิศทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาสวมแหวนที่ต้องมีจังหวะหยุดสัก 3-4 วินาทีให้ช่างภาพมีเวลาได้ถ่ายภาพ ผู้ถ่ายภาพควรทราบกำหนดการของพิธี ควรทราบรายละเอียดต่างๆให้มากที่สุดและที่สำคัญควรคุยกับคู่แต่งงานว่าเขาอยากให้ได้ภาพแบบใด

รับถ่ายรูปรับปริญญาเชียงใหม่

รับถ่ายรูปรับปริญญาเชียงใหม่
รับถ่ายรูปรับปริญญาเชียงใหม่ การถ่ายรูปรับปริญญา
- รับถ่ายรูปรับปริญญา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- รับถ่ายรูปรับปริญญา มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่
- รับถ่ายรูปรับปริญญา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่
- รับถ่ายรูปรับปริญญา มหาวิทยาลัยพายัพเชียงใหม่
- รับถ่ายรูปรับปริญญา มหาวิทยาลัยนอร์ทเชียงใหม่
- รับถ่ายรูปรับปริญญา มหาวิทยาลัยฟาร์อิสเทิร์นเชียงใหม่
บริการด้วย ช่างภาพมืออาชีพ มีประสพการณ์ อุปกรณ์คุณภาพ

สิ่งที่ท่านจะได้ไฟล์ภาพ ที่ทำการตกแต่งแล้ว ทุกรูป เขียนลง ซีดี ดีวีดี อย่างดี พร้อมกล่องและปกสวยงาม
นอกจากนี้ยังรับถ่ายรูปงานต่างๆ และ งานทั่วไป บริการ ถ่ายภาพในสถานที่ รับถ่ายภาพนอกสถานที่

ราคา รับถ่ายรูปรับปริญญา มหาวิทยาลัย

ครึ่งวัน 3000 บาท

1 วัน 3500 บาท


ติดต่อสอบถาม o8 1o38 3oo3 เตอร์ก

piyawat66@hotmail.com

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การถ่ายภาพบุคคล ตอนที่ห้า

การถ่ายภาพบุคคล ตอนที่ห้า


การถ่ายภาพบุคคล ตอนที่สี่

การถ่ายภาพบุคคล ตอนที่สี่



การถ่ายภาพบุคล ตอนที่สาม

การถ่ายภาพบุคล ตอนที่สาม