การถ่ายภาพวันพิธีแต่งงาน
เอาเทคนิคการถ่ายภาพมาฝากกันอีกแล้ว การถ่ายภาพ วันพิธีแต่งงาน เป็นบทความจาก http://women.kapook.com/view8713.html อ่านแล้วได้ความรู้และเทคนิคเพิ่มขึ้นตัดทอนมาบางส่วนนะครับอยากอ่านเต็มๆตามไปอ่านกันได้นะครับ
เรื่อง : จิรชนม์ ฉ่ำแสง / ภาพ : พิษณุ พวงแก้ว
การถ่ายภาพวันพิธีแต่งงานหรือวันจริง เมื่อก่อนมักใช้ช่างภาพเพียงคนเดียวในการถ่ายตลอดวัน ภาพส่วนใหญ่ก็จึงมีแต่เฉพาะภาพบ่าว-สาวในขณะทำพิธีต่างๆ เป็นหลัก ในช่วงเย็นก็จะมีเพียงภาพหน้าซุ้ม ภาพถ่ายกับแขกตามโต๊ะจีน และภาพพิธีการบนเวทีเท่านั้น ทว่าในปัจจุบันนิยมใช้หรือควรแนะนำให้ลูกค้าจ้างช่างภาพมากกว่า 1 คนขึ้นไป แล้วแต่ขนาดของงาน เพื่อความสมบูรณ์และหลากหลายของภาพในวันนั้น
โดยช่างภาพที่เพิ่มขึ้นมา จะมีหน้าที่เก็บภาพรวมในแง่มุมอื่นๆ อาทิเช่น เก็บภาพแคนดิดของคู่บ่าว-สาว รวมไปถึงญาติผู้ใหญ่และแขกหรือคนอื่นๆ เก็บภาพอาคารสถานที่หรือห้องจัดเลี้ยง เก็บบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงขณะที่บ่าว-สาวยืนถ่ายภาพอยู่หน้าซุ้ม เก็บภาพอาหาร-เครื่องดื่ม หรือพร็อบอื่นๆ เช่นดอกไม้ เค้กน้ำแข็งสลัก ฯลฯ ที่ถูกจัดตกแต่งไว้ภายในงาน รวมไปถึงการถ่ายภาพเบื้องหลัง ขณะที่บ่าว-สาวแต่งหน้าทำผม
ในส่วนของช่างภาพ การทำงานร่วมกันสองคนนอกจากจะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้กล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่แตกต่างได้มากขึ้น จากการที่มีคนหนึ่งเก็บภาพในแบบมาตรฐานเป็นหลัก จึงทำให้อีกคนสามารถใช้ลูกเล่นและความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายภาพได้เต็มที่ อาทิเช่นการใช้เลนส์มุมกว้างมากๆ กระทั่งเลนส์ฟิชอายเพื่อมุมมองที่ดูหวือหวาแปลกตา การถ่ายภาพแบบไหวๆ ให้ดูมีมูฟเมนต์ การถ่ายภาพจากมุมไกลๆ หรือมุมสูง (หากสถานที่เอื้ออำนวย) อย่างนี้เป็นต้น
จริงๆ แล้วในงานนี้ช่างภาพทั้งสองส่วนต่างมีความสำคัญพอๆ กัน แต่เพื่อความไม่สับสนและเข้าใจง่ายจึงขอเรียกช่างภาพที่ถ่ายในมุมมาตรฐานและช่างภาพประจำหน้าซุ้มว่าช่างภาพหลัก ส่วนคนที่เก็บบรรยากาศโดยรวมเรียกว่าช่างภาพรอง
หน้าที่ของช่างภาพหลัก ก็คือการเก็บงานตามพิธีการที่สำคัญ เน้นความคมชัด ใช้แสงใสๆ เคลียร์ๆ จัดองค์ประกอบภาพแบบดูง่ายเข้าใจง่ายผู้ใหญ่ชอบเป็นหลัก ช่างภาพหลักจึงมักจะต้องทำงานใกล้ชิดกับทุกฝ่ายค่อนข้างมาก จึงควรเป็นคนที่มีวาทศิลป์ดี ช่างจำนรรจา พูดจาหวานหู และมีจิตวิทยาที่ดีเพื่อโน้มน้าวให้ผู้หลักผู้ใหญ่ขยับไปยืนในตำแหน่งที่ต้องการโดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับหรือทำตามตามคำสั่ง
โดยเฉพาะเวลาถ่ายภาพหมู่หลังการหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ หรือการถ่ายภาพหมู่หน้าซุ้ม ส่วนมากญาติผู้ใหญ่มักจะเกร็งๆ ทำหน้านิ่งๆ ช่างภาพหลักต้องใช้คำพูดที่สามารถสร้างรอยยิ้ม เรียกเสียงหัวเราะ และสร้างอารมณ์ร่วมในการถ่ายภาพให้สนุกสนานผ่อนคลาย ภาพจึงจะออกมาดี ไม่ใช่เพียงแค่นับหนึ่ง..สอง..สาม..แชะ เท่านั้น เรียกว่าต้องมีความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ในตัวค่อนข้างสูง
หน้าที่ของช่างภาพรอง ก็คือการเก็บรายละเอียดของส่วนอื่นๆ ภายในงานจึงต้องเป็นคนที่ถ่ายภาพได้หลากหลายแนว มีลูกเล่นทางการถ่ายภาพแพรวพราวขยันหามุมมองที่แปลกแตกต่าง เปรียบเสมือนตัวฟรีในเกมฟุตบอล ที่สามารถจะเดินไปอยู่ตรงไหนก็ได้ภายในบริเวณงาน มีอิสระในการทำงานค่อนข้างสูง แต่ก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากเป็นพิเศษ เพราะการเก็บรายละเอียดในส่วนนี้มักจะเป็นส่วนที่ทำให้ภาพรวมของงานดูแตกต่าง หากสังเกตให้ดี ภาพจากเว็บไซต์ต่างๆ มักจะนำภาพในส่วนนี้มากเป็นตัวชูโรง เป็นจุดขายเสมอ
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การทำงานเป็นทีม แบ่งแยกหน้าที่หรือลักษณะการถ่ายกันให้ชัดเจน เพื่อให้ได้ภาพที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน คนหนึ่งอาจถ่ายโดยใช้แฟลชเป็นหลัก ขณะที่อีกคนใช้แสงแอมเบียน (แสงจากแหล่งกำเนิดแสง จำพวกหลอดไฟประเภทต่างๆ ที่ถูกจัดไว้ภายในงาน) เป็นหลัก ขณะคู่บ่าว-สาวเดินขึ้นเวทีหรือขณะตัดเค้ก ต้องตกลงให้ดีว่าใครจะถ่ายมุมไหนอย่างไร ที่จะไม่เป็นการกั๊กมุมกันเอง ยิ่งงานไหนใช้ช่างภาพมากกว่าสองคนขึ้นไป โอกาสที่จะทำงานซ้ำซ้อนกันก็มีมากขึ้นถ้าหากไม่นัดแนะกันให้ดี
ในกรณีที่มีช่างภาพเกินสองคน ช่างภาพหลักยังคงมีเพียงคนเดียวและถ่ายแบบมาตรฐานตามปกติ ในส่วนของช่างภาพรอง อาจแบ่งไปเลยว่าใครจะใช้เลนส์ในช่วงไหน คนหนึ่งมุมกว้าง คนหนึ่งเทเลโฟโต้ หรืออาจจะแบ่งให้คนหนึ่งเน้นเก็บภาพบุคคล ส่วนอีกคนเก็บบรรยากาศและการตกแต่งสถานที่เป็นหลัก เพื่อให้ได้งานที่มีความหลากหลายสมกับที่ใช้ช่างภาพหลายคน
อุปกรณ์ที่จำเป็น
การถ่ายภาพในยุคดิจิตอล ที่มีกล้องดีๆ ใหม่ๆ แข่งขันกันออกมาจนเกือบจะเรียกได้ว่าซื้อปุ๊ปตกรุ่นปั๊ปนั้น แน่นอนว่ากล้องรุ่นใหม่กว่าย่อมมีระบบการทำงานรวมถึงให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่าเดิม แต่คำถามคือว่ามันจำเป็นแค่ไหน เพราะกล้องที่ว่าดีๆ นั้น ราคาค่างวดเหยียบแสนเข้าไปแล้ว หากไม่มีงานซุกจริงๆ กว่าจะใช้มันคุ้มราคาเผลอๆ ตกรุ่นไปแล้ว แถมราคายังตกฮวบฮาบให้เจ็บใจอีกต่างหาก ดังนั้นในส่วนของกล้องถ่ายภาพช่างภาพอาจไม่จำเป็นต้องอัพเดทเสมอไป สู้เอาเงินไปลงทุนกับเลนส์ดีๆ ช่องรับแสงกว้างๆ ดีกว่า
และหากจะว่ากันจริงๆ แล้ว เลนส์ที่ใช้อาจไม่จำเป็นต้องเป็นเลนส์เกรดโปรราคาแพงลิบลิ่วเสมอไป เพราะการใช้งานของลูกค้ากับภาพเกือบทั้งหมดคือการดูภาพผ่านคอมพิวเตอร์ หรืออัดภาพขนาด 4R เท่านั้น ยกเว้นเพียงภาพชุดพรีเวดดิ้งเท่านั้นที่จะถูกนำมาขยายใหญ่ ซึ่งก็มีจำนวนไปมากนัก และถ้าถ่ายภาพมาด้วยสภาพแสงดีๆ เลนส์ระดับกลางๆ ก็สามารถให้คุณภาพที่นำมาใช้งานได้อย่างไร้กังวล บวกกับการตกแต่งภาพผ่านซอฟท์แวร์อีกนิดหน่อย เชื่อเถอะว่าถ้าไม่ใช่พวกตาผีจมูกมด ไม่มีทางดูออกว่าเราถ่ายภาพด้วยเลนส์เกรดไหน
ยังมีอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่เทคโนโลยีดิจิตอลทำให้มันลดความสำคัญลงไปมาก นั่นก็คือแฟลช ด้วยการปรับค่าไวท์บาลานซ์เพื่อแก้สี และด้วยการตั้งค่า ISO ให้สูงมากๆ โดยยังรักษาคุณภาพของภาพไว้ได้ จึงทำให้ช่างภาพหลายต่อหลายคนโบกมือล่ำลาจากการใช้แฟลช หันมาใช้เลนส์ช่องรับแสงกว้างๆ ถ่ายด้วยแสงแอมเบียนของสถานที่บวกกับการใช้สปอตไลท์ตั้งตามจุด หรือมีคนถือไฟเดินตามแทน นัยว่ามันให้ภาพที่ดูสวยเนียนยิ่งกว่าการใช้แฟลชเสียอีก
ซึ่งในเรื่องนี้ตามความเห็นของผู้เขียน ไม่ขอชี้ชัดลงไปว่าอย่างไรดีกว่า เพราะมันมีข้อจำกัดของอุปกรณ์ที่ไม่เหมือนกัน
และความถนัดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน และจริงๆ แล้ว การใช้แสงแอมเบียนอาจไม่สามารถทดแทนการใช้แฟลชได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งภาพบางลักษณะจะเกิดขึ้นได้ก็จากการใช้แฟลชเท่านั้นอีกด้วย เช่นภาพที่มีมูฟเมนต์ในลักษณะกึ่งชัดกึ่งเบลอ แต่ช่างภาพบางคนอาจไม่ชอบถ่ายในลักษณะนี้ก็ไม่มีความจำเป็น หรืออาจไปทำด้วยซอฟท์แวร์ในภายหลังก็ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างให้พร้อมและเพียงพอไม่ว่าจะเป็นกล้องสำรองหากเกิดกล้องมีปัญหา แบตเตอรี่, เมมโมรี่การ์ด, หลอดสำรองในกรณีที่ใช้ไฟแฟลชหรือสปอตไลท์ เป็นต้น
อุปกรณ์อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญคือ อุปกรณ์การสำรองข้อมูลต้นฉบับ อย่าได้ประมาทหรือมองข้ามไปนะครับ ในยุคไอทีเช่นนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งทางเลือกก็มีหลายทาง ไม่ว่าจะเป็น DVD, External HD, Notebook หรือ Storage Media ต่างๆ ช่างภาพหลายคนอาจจะบอกว่าสิ้นเปลือง แต่เชื่อเถอะครับว่าหากมันเกิดปัญหากับข้อมูลที่คุณมีเพียงชุดเดียวโดยไม่มีการสำรองไว้ละก็ ต่อให้ต้องซื้อ DVD แผ่นละพัน คุณก็ยังรู้สึกว่ามันถูกเลยครับ
อุปกรณ์ที่ดีนั้นจะช่วยให้การทำงานของช่างภาพเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น แต่มุมมองและวิธีการถ่ายภาพของช่างภาพเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า การใช้อุปกรณ์ระดับกลางๆ แต่สามารถรีดคุณภาพของมันออกมาได้เต็มที่ เชื่อได้ว่าภาพดีๆ ไม่หนีไปไหนแน่นอน
หวังว่าเพื่อนๆคงได้ความรู้จากบทความดีๆ ที่หามาให้อ่านกันนะครับ ไม่มากก็น้อย เทคนิคดีๆทั้งนั้นบางอย่างเราก็นึกไม่ถึง
ขอบคุณบทความจาก http://women.kapook.com/view8713.html